พาเที่ยวสิงคโปร์แบบรวบรัด ฉบับ 3 วัน 2 คืน เที่ยวตามได้เลย!

หลังจากโควิดปิดประเทศไปนาน ตอนนี้ถึงเวลาที่ไปเที่ยวต่างประเทศกันได้แล้ว เชื่อว่าหลายคนที่กำลังแพลนทริปเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่รู้จะไปไหนดี อยากได้ที่เที่ยวต่างประเทศแบบใกล้ๆ ตั๋วราคาไม่แรง วีซ่าไม่ต้องทำ แค่เตรียมพาสปอร์ตจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก พร้อมไปเที่ยว เราขอแนะนำ “สิงคโปร์” เพราะที่แห่งนี้คือสถานที่โปรดของเรา ถึงแม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่ไม่รู้ทำไมเที่ยวแล้วไม่เบื่อสักที อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่เค้ามีที่เที่ยวใหม่ๆ ขึ้นเพียบ มีมุมถ่ายรูปชิคๆ ตึกสวย เดินไปลัดเลาะตามเมืองได้เพลิน สำหรับทริปนี้เราขอมารีวิวสิงคโปร์ในแบบฉบับรวบรัด ไปเที่ยวตามกันได้ด้วยการแจกแพลนเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างต้องตามมาเลย 

แพลนทริปสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน

แพลนเที่ยววันที่ 1 

  • Jewel Changi Airport – China Town – Tian Tian Hainanese Chicken Rice – ArtScience Museum – Sarnies – Swee Choon Tim Sum Restaurant 

แพลนเที่ยววันที่ 2

  •  S.E.A. Aquarium Singapore – Gardens by the Bay – Merci Marcel club street

แพลนเที่ยววันที่ 3

  • Tiong Bahru – Tiong Bahru Bakery

วิธีจองตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์ 

สิงคโปร์

ก่อนอื่นเลยก่อนที่จะเริ่มทริปเรามีเคล็ดลับการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูกมาฝาก นั่นก็คือการหาตั๋วจากแอพที่ชื่อว่า Traveloka ที่จะช่วยเรียงตั๋วเครื่องบินมาให้จากราคาถูกที่สุด ไปจนถึงแพงสุด เปิดแอพเดียวคือจบ เลือกตั๋วได้เลย แถมตอนจองเรายังได้โปรโมชั่นโค้ดลดราคามาแบบพิเศษ ใช้ลดแล้วได้ราคาไปกลับประมาณไม่เกิน 4,xxx บาท ถือว่าคุ้มมาก ลองเข้าไปเลือกกันดู เที่ยวได้แบบไม่เกินงบ แน่นอน! หรือใครอยากได้ไอเดียไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่ม ก็เข้าไปในเฟสบุ้คแล้วเลือกดูใน #ต่างแดนออนทัวร์ ก็ได้เหมือนกัน

ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์ กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Singapore.SINA

ตามไปอ่านบทความไปเที่ยวต่างประเทศ กันได้ที่นี่ >  https://www.traveloka.com/th-th/flight/travel-global


วิธีเดินทางเข้าสิงคโปร์

จริงๆ ไม่มีอะไรยุ่งยากเลยในตอนนี้ เพราะสิงคโปร์เค้าเปิดประเทศแล้ว! ไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรไปมากมาย แค่มีพาสปอร์ต หลักฐานว่าฉีดวัคซีนครบแล้ว แค่นั้นพอ ถ้างั้นใครที่เตรียมตัวจะไปสิงคโปร์ ก็แค่จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ที่เที่ยวให้เรียบร้อย แล้วไปแพลนทริปเที่ยวสิงคโปร์กันเลย ไปเช็คมาตรการสนามบินสิงคโปร์ก่อนออกเดินทางกันได้เลย คลิกที่นี่


วันที่ 1

สนามบิน Jewel Changi Airport

Jewel Changi Airport
Jewel Changi Airport

บินมาถึงสิงคโปร์ก็มาเจอหนึ่งในไฮไลท์ที่แนะนำเลยว่าหลายคนไม่ควรพลาด เพราะ “Jewel Changi Airport” เป็นส่วนของสนามบินที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดดเด่นด้วยน้ำพุขนาดมหึมาอยู่ตรงหน้า รายล้อมไปด้วยสวนสีเขียว ที่มีทางเดินลอยฟ้า สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ แต่จะต้องเสียเงินเพิ่ม เชื่อมต่อกับทุกเทมินอล ดังนั้นเมื่อลงเครื่องบินมาแล้ว ให้สังเกตป้าย Jewel Changi Airportแล้วเดินตรงดิ่งไปบริเวณนั้นได้เลย นอกจากมุมถ่ายรูปสวยๆ รอบข้างยังมีร้านอาหารมากมาย และเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ด้วย 

ไชน่าทาวน์ (China Town)

เนื่องจากว่ารอบนี้เราได้จองโรงแรมแถวไชน่าทาวน์ เพราะไม่ใช่แค่ราคาถูก แต่ว่าอยู่ใกล้แหล่งของกิน เดินทางไปเที่ยวง่ายเพราะมี MRT อีกทั้งยังใกล้กับดาวน์ทาวน์ ใครกำลังมองหาที่พักอยู่ แนะนำให้ลองเลือกดูที่พักแถวย่านนี้ บินมาถึงก็เข้าไปเช็คอิน เก็บกระเป๋า เตรียมตัวออกไปเที่ยวตามแพลน แต่ขอแวะกินอะไรสักหน่อยก่อนไป ส่วนที่ย่านไชน่าทาวน์นี้มีทั้งวัด ร้านข้าว ร้านขายของที่ระลึก ใครมาเที่ยวสิงคโปร์แล้วอยากกินอาหารจีน บะหมี่ ข้าวมันไก่ ก็ต้องปักหมุดมา 

แผนที่: Google Maps

มื้อแรกเมื่อบินมาถึงสิงคโปร์เราเลือกจะไปกินร้านข้าวมันไก่เจ้าดังที่เป็นร้านโปรดของเราก็คือ “Tian Tian Hainanese Chicken Rice” ที่ศูนย์อาการ Maxwell ย่านไชน่าทาวน์ เดินไปไม่ไกล แถมราคาอาหารก็ไม่แพง ขอแนะนำเลย ว่าใครมาพักแถวนี้อยากให้ลองมาชิมกันดูสักที 

Tian Tian Hainanese Chicken Rice

ข้าวมันไก่เจ้าดังที่แม้จะดูเป็นมื้อง่าย แต่อร่อยมาก ถ้ามาตอนเที่ยงคิวก็จะยาวนิดหนึ่ง แนะนำให้มาเช้า ไม่ก็บ่ายไปเลย ที่ชอบสุดคือเป็นเมนูข้าวมันไก่เนื้อน่อง หรือใครชอบกินไก่ไม่เน้นข้าวก็สั่งแยกได้ นอกจากนั้นเมนูผักราดซอสน้ำมันหอยก็อร่อย สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3.5 เหรียญสิงคโปร์ ไม่แพง อร่อย และอิ่มท้องพร้อมไปต่อ เป็นหนึ่งในร้านที่เรามากินตลอดเลยเวลามาเที่ยวที่สิงคโปร์ 

แผนที่: Google Maps

มารีน่า เบย์ (Marina Bay)

พาลัดเลาะเดินทางย่านมารีน่า เบย์ หากใครอยากจะถ่ายรูปให้เห็นวิวตึกมาริน่า เบย์ แซนด์ (Marina Bay Sands Singapore) หากเดินมาตรงนี้ จะได้มุมดีเชียวหล่ะ นอกเหนือจากตึกรูปทรงเรือใบที่เป็นแลนด์มาร์คขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ บริเวณนี้ยังมองเห็นแลนด์มาร์คหลายแห่งด้วยกัน สามารถขึ้น MRT มาได้หลายสถานี ยกตัวอย่างเช่น Marina Bay หรือว่าสถานี Promenade หากใครอยากได้จุดถ่ายรูปสวย เดินมาบริเวณนี้นอกจากจะได้ชมวิวเมืองสิงคโปร์ ยังได้รูปสวยกลับบ้านแน่นอน 

ArtScience Museum (พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ศิลปะ)

เมื่อเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ เราจะมองเห็นตึกอาคารรูปทรงดอกบัวสีขาวขนาดใหญ่ นั่นก็คือ “ArtScience Museum (พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ศิลปะ)” หนึ่งในพิพิธภัณฑ์สุดล้ำสมัยของสิงคโปร์ ที่สามารถมาเที่ยวกันได้ทุกเพศทุกวัย นอกจากความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และศิลปะ ยังได้ทำกิจกรรมมากมายด้านใน บอกเลยว่าว้าวทุกมุม

ด้านในส่วนของงานจัดแสดงขออธิบายก่อนว่าปกติแล้วจะมีนิทรรศกาลที่เป็นส่วนจัดแสดงถาวร และบางช่วงเวลาก็อาจจะมีนิทรรศกาลพิเศษหมุนเวียนมาจัดที่นี่ อาจจะต้องเช็คตารางนิทรรศกาลอีกทีหนึ่ง สำหรับใครที่อยากมาเยือน โซนแรกเริ่มต้นกันด้วยโซนที่มีการฉายรูปภาพขึ้นบนฝาผนัง ให้ได้ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน นอกจากนั้นยังมีโซนที่มีกิจกรรมให้ทำทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ที่เข้ามาชมต่างก็ชื่นชอบ อย่างเช่น การวาดรูปแล้วนำขึ้นฉายสไลด์บนฝาผนัง หรือว่าจะเป็นการเล่นลูกบอลหลากสี ที่สร้างทั้งความสนุก และแปลกใหม่ให้กับคนที่เข้ามาชม นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอีกหลายโซนด้วยกัน แต่จะต้องซื้อบัตรแยกในแต่ละโซนไป 

วัน และเวลาเปิดปิด: เปิดทุกวัน 10.00 – 19.00 น. 

แผนที่: Google Maps

ร้านกาแฟซานีย์ (Sarnies)

อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนั้นมีร้านกาแฟชื่อดังที่มาเปิดสาขาที่เมืองไทย ซึ่งตอนแรกก็รู้จักจากที่ไทยนั่นแหละ และรู้ว่ามีสาขาที่สิงคโปร์ด้วย! ดังนั้นไม่พลาดที่จะมาลองสาขาต้นฉบับ ร้านก็ไม่ใหญ่มากนัก มีพื้นที่นั่งทั้งด้านในและด้านนอก มีเมนูให้เลือกหลายเมนูมาก ไม่ใช่แค่เมนูกาแฟเท่านั้น แต่ยังมีแซนวิช เบเกิ้ล สเต๊ก หรือว่าเมนูบรั๊นซ์ (Bruch) รองท้องสำหรับคนที่อยากกินอาหารเช้าแต่ตื่นไม่เช้า นอกจากนี้ยังมีขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านนี้ถึงแน่นขนัดไปด้วยผู้คนตลอดทั้งวัน 

วัน และเวลาเปิดปิด: สำหรับวันธรรมดา 07.30 – 22.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ 08.30 – 15.00 น. 

แผนที่: Google Maps

Swee Choon Tim Sum Restaurant

หลังจากเดินเที่ยวมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เพียงแค่กาแฟร้องท้องไม่ทำให้ความหิวหายไปได้ เราจึงมุ่งหน้าสู่ร้านติ่มซำชื่อดัง ที่ทางเราชอบมากมากี่ครั้งก็ต้องมาฝากท้องไว้กับที่นี่ ปกติแล้วถ้ามาในช่วงเย็นที่คนเลิกงานจะต้องรอคิวนานมาก ร้านจะเปิดสองช่วง ช่วงเช้าจะเปิดตั้งแต่เช้าปิดประมาณบ่ายสอง และเปิดอีกทีคือหลังหกโมงเย็น ไปจนถึงดึกเลย ใครหิวตอนไหนแวะมากินได้ รับรองไม่ผิดหวัง

เมนูติ่มซำมีให้เลือกเยอะมาก ทั้งขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก๋า ทาร์ตไข่ มาพร้อมกับเมนูกินเล่นอื่นๆ อีกมากมาย มีของทอด และน้ำซุปให้ได้เลือกซด ชอบตรงที่ทุกอย่างถูกเสิร์ฟมาโดยที่ยังร้อนอยู่ ใครเป็นสายกินก็ไม่ควรพลาดร้านนี้เลย อร่อย ราคาไม่แรง และมีความหลากหลาย วิธีเดินทางมาก็คือให้ขึ้นใต้ดินสถานี Jalan Besar เดินตรงมาอีกนิดก็จะถึงเลย 

วัน และเวลาเปิดปิด: ร้านปิดทุกวันอังคาร เปิด 09.00 – 14.30 และเปิดอีกทีตอน 18.00 – 04.00 น. 

แผนที่: Google Maps


วันที่ 2

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ S.E.A. Aquarium Singapore 

วันนี้ตื่นเช้ากันสักหน่อย ไม่รอช้าข้ามไปเที่ยวที่เกาะเซนโตซ่า ที่วิธีการเดินทางไปคือนั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานี Habourfront แล้วเดินไปที่ห้าง Vivocity ให้ขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นบนสุด จะเห็นที่ซื้อบัตรรถไฟข้ามไปยังเกาะ ซึ่งเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ข้ามไปยังเกาะเซนโตซ่ามักจะโฟกัสไปที่สวนสนุกยูนิเวอร์แซล (Universal Singapore) แต่ว่าเราได้เที่ยวหลายรอบจนเบื่อแล้ว ทริปนี้เลยสนใจ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ S.E.A. Aquarium Singapore” มากกว่า ซึ่งที่เที่ยวนี้ก็ได้มีความน่าตื่นตาตื่นใจไม่ทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ 

ด้านในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมีส่วนจัดแสดงที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก มีการบอกเล่าเรื่องราวผ่านสัตว์น้ำหลายโซน ทั้งโซนฉลาม ตู้แทงค์น้ำขนาดใหญ่ แมงกะพรุน และส่วนที่สามารถให้เรานำมือลงไปสัมผัสกับสัตว์น้ำอย่างเช่น ปลาดาว ได้ด้วย เชื่อว่าถ้าใครมาเที่ยวสิงคโปร์กับครอบครัวก็ต้องชื่นชอบสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอนเลยหล่ะ ที่ชอบที่นี่คือสามารถนั่งดูสัตว์น้ำ ที่มีฉลามและปลามากมายว่ายวนอยู่ในแทงค์น้ำขนาดใหญ่ ที่ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย และใหญ่ที่สุดในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าใครไม่อยากรอคิวซื้อบัตร แนะนำให้ซื้อออนไลน์ไปล่วงหน้าก่อนได้เลย

วัน และเวลาเปิดปิด: 10.00 – 17.00 น. ปิดทุกวันพุธ และพฤหัสบดี 

แผนที่: Google Maps

อ่านบทความเกี่ยวกับ S.E.A Aquarium Singapore ได้เพิ่มเติม คลิกที่นี่

การเด้นท์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay)

หลังจากข้ามฝั่งกลับมาจากเกาะเซนโตซ่า ก็มุ่งตรงไปยังที่เที่ยวแห่งถัดไปของเรานั่นคือ “การเด้นท์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay)” เป็นหนึ่งในที่เที่ยวชื่อดังของสิงคโปร์ ซึ่งทริปนี้เราก็ไม่พลาด อยากไปมานานมากแล้ว แต่หาเวลาไม่ได้เลย เพราะที่นี่กว้างใหญ่มาก เวลาที่ใช้ในการเดินชมนั้นแทบจะทั้งวัน แถมบริเวณต้นไม้ยักษ์ยังมีการแสดงเปิดไฟในช่วงตอนเย็น เป็นอีกสถานที่เที่ยวสิงคโปร์ที่อยู่ได้ตั้งแต่เช้าไปจรดค่ำก็ไม่มีเบื่อเลย

เริ่มแรกเมื่อเดินเข้าไปด้านใน “การเด้นท์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay)” แนะนำให้ดูแผนที่เพื่อที่จะได้รู้ว่าจุดไหนที่คุณต้องการเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน โดยแต่ละพื้นที่ด้านในจะถูกแบ่งเป็นโซนต่างๆ ดังนี้ 

  1. Flower Dome เป็นโดมกระจกขนาดใหญ่ที่เน้นดอกไม้เป็นหลัก คุณจะเห็นดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์เบ่งบานอยู่ในโดมแห่งนี้ 
  2. Floral Fantasy ใครที่ชอบถ่ายรูปเป็นอันว่าต้องเลิฟโซนนี้อย่างแน่นอน เพราะจะจัด และตกแต่งดอกไม้หลากสีสวยงาม เน้นความสวยงามของการจัดดอกไม้เป็นหลัก 
  3. Cloud Forest เป็นโซนหลักที่แนะนำว่าต้องมาชม เพราะว่าเป็นโดมกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้านในมีการตกแต่งด้วยต้นไม้ พร้อมกับทางเดินให้คุณได้เยี่ยมชมต้นไม้โดยรอบ และมีน้ำตกในร่มขนาดยักษ์ตั้งอยู่ด้านใน 
  4. Supertree Grove ต้นไม้จำลองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านนอก มีหลายต้นมากมายเรียงรายไปในสวน ด้านบนจะมีทางเดิน OCBC Skyway ที่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่คุณจะได้เดินชมวิวด้านบน และได้เดินเชื่อมระหว่าง Supertree ในแต่ละต้นด้วย 

รูปที่เห็นนี้เป็นโซน Cloud Forest ซึ่งเป็นโซนที่เราชอบมากที่สุด โดยโซนนี้จะต้องซื้อบัตรแยกต่างหากเพื่อเข้าไปชม แต่แนะนำเลยว่าถ้ามาถึง การเด้นท์ บาย เดอะ เบย์ ก็ควรเข้าไปเยี่ยมชมสักครั้ง เมื่อเดินเข้ามาจะเห็นมุมน้ำตกใหญ่อลังการ เดินขึ้นไปโดยรอบ ทางเดินจะพาเราวนไปชมจุดต่างๆ ที่มีต้นไม้ และดอกไม้เรียงรายกันเป็นแถว ภายในโดมนี้ยังมีอากาศเย็นๆ ไม่ร้อน เพราะต้นไม้ส่วนใหญ่ในที่นี่ต้องการความเย็นและความชื้นเป็นหลัก แถมยังสามารถมองออกไปเห็นวิวโดยรอบ เนื่องจากทางเดินมีความยาว และกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งโดม 

ปิดท้ายด้วยโซนไฮไลท์อีกหนึ่งโซนกับต้นไม้ยักษ์ที่อยู่กลางแจ้ง เมื่อคุณเดินชมทั่วครบทุกโซนแล้วเดินทะลุออกมาด้านนอกก็จะพบเจอกับโซนนี้ ซึ่งในช่วงกลางคืนจะมีการประดับประดาไฟสวยงามมาก ถ้าใครมีเวลาเดินเล่นถึงตอนกลางคืน อย่าลืมแวะถ่ายรูปที่จุดนี้กัน 

วัน และเวลาเปิดปิด: 05.00 – 02.00 น. เปิดทุกวัน 

แผนที่: Google Maps

Merci Marcel Club Street

ขอปิดท้ายการเที่ยววันที่สองด้วยดินเนอร์จากร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่ชื่อว่า “Merci Marcel” ซึ่งจริงๆ แล้วมีอยู่หลายสาขา แต่สาขาที่เราได้เดินทางมากินก็คือ Club Street เพราะอยู่ไม่ห่างจากย่านไชน่าทาวน์มากสักเท่าไหร่นัก ที่เลืกร้านนี้ขอยอมรับเลยว่าสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินผ่าน เพราะว่าตกแต่งด้วยสีโทนเขียวขาว และมีการตกแต่งที่มีความทรอปิคอลมาก สำหรับเมนูอาหารก็มีหลากหลาย ซึ่งคอนเซ็ปท์ร้านจะเสิร์ฟอาหารสไตล์ฝรั่งเศส 

ความเลิศของร้านนี้คือเปิดตั้งแต่กลางวัน ยาวไปจนถึงกลางคืน ใครอยากมารับประทานอาหารก็มาได้ตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะร้านเปิด 8 โมงเช้า หรือใครอยากจะมานั่งจิบไวน์ ทางร้านก็มีเสิร์ฟ มีอาหารให้เลือกทั้งอาหารเช้า บรั้นช์ มื้อดินเนอร์ เรียกได้ว่าครบและหลากหลาย ที่สำคัญมีเมนูเบเกอรี่ด้วย อยากกินอาหารมื้อไหนทั้งเช้า เที่ยง บ่าย เย็น ขอแนะนำร้านนี้เลย ใครกำลังมองหาสถานที่สำหรับแฮงเอ้าท์กับเพื่อนตอนไปทริปสิงคโปร์ ปักหมุดด่วน! 

วัน และเวลาเปิดปิด: เปิดทุกวัน 08.00 – 23.00 น. ยกเว้นวันอังคารถึงวันเสาร์ 08.00 – 24.00 น. 

แผนที่: Google Maps

วันที่ 3

ย่าน Tiong Bahru

ตื่นแต่เช้าก่อนกลับขอไปเยือนย่านฮิปของสิงคโปร์หน่อย ย่านที่ว่าก็คือ “Tiong Bahru” ที่มากี่ครั้งก็ยังประทับใจ เพราะเป็นย่านที่ไม่ใหญ่ เต็มไปด้วยความเงียบสงบ แม้นักท่องเที่ยวจะเยอะ แต่ก็ไม่พลุกพล่านเลย ที่ชอบอีกอย่างคือมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านหนังสือตั้งอยู่กระจัดกระจายในย่านนี้ หากใครที่ชอบดื่มกาแฟ อยากหาคาเฟ่สงบนั่งทำงาน การมาเยือนที่นี่ถือว่าตอบโจทย์ และยังอยู่ไม่ไกลจากไชน่าทาวน์ด้วย ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นคนชอบกินกาแฟสักเท่าไหร่ แต่ได้มาเดินเก็บบรรยากาศ ถ่ายรูปชิลล์ๆ ไปเรื่อยก็ถือว่าแฮปปี้ การเดินทางสามารถนั่ง MRT ไปลงสถานี Tiong Bahru หรือว่า Outram Park ก็ได้เช่นกัน

Tiong Bahru Bakery

มาเยือนถึงถิ่นแล้วก็ขอแวะร้านคาเฟ่ชื่อดังของย่านนี้สักหน่อย “Tiong Bahru Bakery” เป็นร้านเบเกอรี่ที่มีเมนูขนมปัง เค้ก และเครื่องดื่มหลายเมนูให้เลือกเยอะมาก เห็นว่าเป็นร้านดังเลยขอลองชิม รสชาติก็อร่อยไม่ผิดหวัง เห็นว่ามีหลายสาขา แต่ทางเราได้มาชิมสาขาออริจินัลแห่งแรก ทั้งครัวซองท์ เค้ก ล้วนมาในรูปแบบของเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศส จะซื้อกลับบ้าน หรือกินที่ร้านก็อร่อยเหมือนกัน ส่วนเครื่องดื่มจะมีทั้งชา และกาแฟ แนะนำหากใครมาย่านนี้แล้วเลือกไม่ถูก อยากลองนั่งคาเฟ่สักหนึ่งร้าน ขอแนะนำร้านนี้เลย 

วัน และเวลาเปิดปิด: เปิดทุกวัน 07.00 – 20.00 น. เปิดทุกวัน

แผนที่: Google Maps

หลังจากนั่งคาเฟ่เสร็จแล้วเราก็เตรียมตัวไปสนามบิน ซึ่งจริงๆ การเดินทางไปสนามบินก็สะดวกมาก จะนั่ง MRT ไปก็ได้ หรือว่าจะเรียกรถไปก็ได้เช่นกัน ใครสะดวกแบบไหนก็เลือกได้เลย สำหรับทริปสิงคโปร์นี้สามารถเที่ยวตามกันได้แบบไม่ยาก ใครไม่อยากลางานเยอะ ก็ไปเที่ยวสัก 3 วัน 2 คืน ก็เที่ยวได้อย่างเต็มอิ่มแล้ว ไปสิงคโปร์ไม่ใช่เรื่องยาก จองตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์กับ Traveloka กับ TravelGlobal ต่างแดนแสนสุข มีโปรโมชั่นโค้ดลดราคาแบบนี้ เที่ยวได้ไม่เกินงบ! แน่นอน